กรมทางหลวง ยันนโยบายคมนาคมไม่ได้สั่งรื้อเกาะกลางทำแบริเออร์

กรมทางหลวง ยันนโยบายคมนาคมไม่ได้สั่งรื้อเกาะกลางทำแบริเออร์ ให้เริ่มกับโครงการใหม่หรือปรับปรุงเกาะสีเดิมเท่านั้น ยันช่วยลดความรุนแรงอุบัติเหตุ เปิดรูปแบบเกาะกลางถนนกรมทางหลวงจะใช้แบบผสมผสาน แบริเออร์-แบบยก

 

         นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า จากกรณีมีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวประเด็น “ทล.-ทช. งานเข้ารื้อแบบสร้างทางใหม่ หวั่นผู้ใช้ถนนอันตราย” โดยมีเนื้อหาว่า กรมทางหลวง( ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) จะดำเนินการรื้อเกาะกลาง เพื่อใช้แบริเออร์แปะแผ่นยางพารา (Rubber Fender barrier) นั้น  กรมทางหลวง ขอชี้แจงว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่ได้มีนโยบายให้ทุบรื้อเกาะกลางเดิมที่เป็นแบบเกาะยก เพื่อทำใหม่เป็นแบริเออร์ แต่ได้สั่งการให้ดำเนินการในโครงการก่อสร้างใหม่ หรือปรับปรุงเกาะสีที่มีอยู่เดิมเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาถนนที่เป็นเกาะสี จะเกิดอุบัติเหตุรถวิ่งข้ามเลนสวนกัน ชนประสานงารุนแรงบ่อยครั้ง และมีผู้เสียชีวิต กรมทางหลวงจะดำเนินการนำแท่ง Rubber Fender Barrier มาวางเฉพาะพื้นที่เกาะกลางถนนที่เป็นเกาะสี เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นบนถนนทางหลวง

        นอกจากนี้ถนนที่จะออกแบบใหม่ในปีงบประมาณ 2563 ขนาด 4 ช่องจราจร และ 6 ช่องจราจร จะมีการออกแบบระบบ Rubber Fender Barrier เพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุเช่นกัน เพราะจากผลการวิจัยพบว่า การใช้แท่ง Concrete Barriers โดยมีแผ่นยางกันกระแทกคลุมแท่งคอนกรีต จะช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงได้ไม่น้อยกว่า 30% อย่างไรก็ตามการเลือกใช้แบริเออร์แทนการปรับปรุงเป็นเกาะยก เพราะมีราคาถูกกว่า ทำได้เร็ว ปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง และไม่เกิดการวิ่งข้ามเลนมาชน รูปแบบเกาะกลางที่ กรมทางหลวงจะเลือกใช้กับถนนของ กรมทางหลวง จะใช้เป็นเกาะกลางแบบแบริเออร์เป็นหลัก ซึ่งนิยมใช้กับทางหลวงที่มีความกว้างเขตทางแคบ และเป็นรูปแบบฉนวนกั้นที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัย โดยออกแบบให้มีระยะปลอดภัยด้านข้าง (Lateral Clearance) ระหว่างช่องจราจรกับเกาะกลาง

 

 

 

นายสราวุธ กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าการใช้เกาะกลางแบบแบริเออร์ เป็นรูปแบบที่มีข้อได้เปรียบด้านความปลอดภัย รองรับความเร็วได้สูงกว่า ค่าก่อสร้างไม่สูง มีความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างมากกว่า จัดการจราจรได้ดี ใช้เวลาก่อสร้างน้อย เมื่อเทียบกับเกาะยกปลูกหญ้า อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงน้อย ทำให้ช่วยประหยัดเงิน

ค่าก่อสร้างเกาะกลาง และลดค่าบำรุงรักษาเกาะกลางในการตัดหญ้าและรดน้ำต้นไม้  ขณะเดียวกันยังเป็นการใช้พื้นที่ในการเวนคืนอย่างเต็มที่ และที่สำคัญจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนน และช่วยให้ชาวสวนยางพาราขายยางพาราได้มากขึ้นด้วย

2 พฤศจิกายน 2562
ฝ่ายประชาสัมพันธ์